
วันที่ 7 มิ.ย.2560 นายสงกรานต์ สมนาม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสบบง อ.ภูซาง จ.พะเยา เผยว่า รพ.สต.สบบง ได้อบรมให้ความรู้ด้านอันตรายจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัย การตรวจสอบข้อมูล และการทดสอบด้วยชุดทดสอบ ให้แก่ อสม.จำนวน 36 คน ครอบคลุม 13 หมู่บ้าน ซึ่งเป็นการขยายผลสร้าง อสม.นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน เพื่อร่วมเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัย

รพ.สต.สบบง เป็นหน่วยงานนำร่องด้านคุ้มครองผู้บริโภคของจังหวัดพะเยา ที่เฝ้าระวังสินค้าไม่ปลอดภัย โดยร่วมเป็นเครือข่ายทำงานร่วมกันกับศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดพะเยา และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพะเยา และปี 2559 พบปัญหายาประดงไม่ปลอดภัยจากสารเสตียรอยด์
ผอ.รพ.สต.สบบง คาดว่า อสม.นักวิทย์ชุมชนที่ขยายผลนี้ จะช่วยให้การเฝ้าระวังป้องกันอาหาร ยาและสมุนไพรที่น่าสงสัยความปลอดภัยจากบริเวณชายแดนไทย-ลาว และรถเร่ขาย ได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น
รายงานโดย รพ สต
สบบง พะเยา และ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์
เขต 1/1 เชียงราย

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จัดอบรมโครงการขับเคลื่อนเครือข่ายวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดพิษณุโลก โดย ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เขต 2 พิษณุโลก ในวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ณโรงแรมท็อปแลนด์ จังหวัดพิษณุโลก
ในการอบรมนี้ มีการกล่าวรายงานโดย นายณัฐพัชร์ รัตนเดชานาคินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่ 2 พิษณุโลก และ กล่าวเปิดโดย นายแพทย์ไกรสุข เพชระบูรณิน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด
นายแพทย์ไกรสุข ได้กล่าวย้ำให้เห็นความสำคัญของบทบาทของ อสม ที่มีความใกล้ชิดกับชุมชน เป็นกำลังสำคัญในการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคและคุ้มครองผู้บริโภค ทักษะการใช้ชุดทดสอบที่จะมีการอบรมจะทำให้ อสมมีศักยภาพในการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัยซึ่งเป็นประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัวและชุมชน ในการอบรมนี้ มีผู้เข้าอบรม 299 คน ประกอบด้วย จนท รพสต แห่งละ 1คน และ อสม แห่งละ 2 คน จาก 9 อำเภอ มีทีมวิทยากรและผู้จัดการอบรมอีกรวม 30 คน

ในการนำเสนอผลการดำเนินงานในชุมชน นางสาวอรทัย ชมสวน เจ้าพนักงานสาธารณสุข สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติบ้านนากลาง และ อสม สุพรรษา ธนูสาร ได้นำเสนอการทำงานของเครือข่ายอาสาสมัครในวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนที่มีความเข้มแข็ง
หลังจากที่ได้ผ่านการอบรมแล้วได้ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่โดยใช้”มาตรการทางสังคม” ปกป้องชุมชนจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัยโดยการเฝ้าระวังรถที่มาเร่ขายยาในหมู่บ้านจะต้องมาขอนุญาตจากผู้ใหญ่บ้าน อสม มีการเฝ้าระวังความปลอดภัยอาหารในตลาดโดยการตรวจด้วยชุดทดสอบ หากตรวจแล้วไม่พบสารปนเปื้อนสามครั้งจะมีการมอบ”ธงเขียว”ให้กับร้านจำหน่ายอาหาร
นอกจากนี้ ได้มีการจัดตั้งศูนย์เตือนภัยเพื่อแจ้งอันตรายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ ในปีนี้ได้ขยายงานต่อไปในโรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพอีกสองตำบล ผลงานที่ดำเนินการได้รับการคัดเลือกให้เป็นผลงานดีเด่นด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในระดับเขต

การอบรมนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เขต 2 พิษณุโลก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก และศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกัน ขับเคลื่อนเครือข่าย อสม นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคให้ อสม สามารถ ใช้ชุดทดสอบสารสเตียรอยด์ในยาและทดสอบสารปนเปื้อนในเครื่องสำอางรวมถึงการใช้ข้อมูลในหน้าต่างเตือนภัยโดย การอบรม อสม เต็มพื้นที่ที่พิษณุโลกในวันนี้ ต่อจากการอบรม อสม นักวิทย์ชุมชน เต็มพื้นที่ ที่จังหวัดอุตรดิตถ์


วันที่ 6 มิถุนายน พศ 2560 ที่ผ่านมา ที่โรงแรมอมารีแอร์พอร์ต ดอนเมืองศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส) จัดอบรมนักสื่อสารสุขภาพเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคโดยมีผู้เข้าอบรม 80 คนจาก 28 จังหวัดเพื่อสร้างเครือข่ายนักคุ้มครองผู้บริโภคเตือนภัยสุขภาพ ในแต่ละภูมิภาค
เครือข่ายต่างๆประกอบด้วยเครือข่ายศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เครือข่ายนักวิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (นคบส) เครือข่ายนักจัดการเพื่อผู้บริโภค (นจพบ) เครือข่ายไร้แร่ใยหินภาคเหนือ เครือข่ายองค์กรผู้บริโภคคุณภาพ เครือข่ายคณาจารย์เภสัชศาสตร์คุ้มครองผู้บริโภค และทีมงาน คคส. โดย ถือได้ว่าเป็นการ
กำเนิดเครือข่ายนักคุ้มครองผู้บริโภคเตือนภัยสุขภาพ (นคส) ที่กระจายใน ภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ
การอบรมนี้มีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว อาจารย์นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ อดีตกองบรรณาธิการข่าวหนังสือพิมพ์เนชั่น และอาจารย์ พิเศษ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เป็นผู้บรรยายให้ความรู้แก่ ผู้เข้ารับการอบรม

วิทยากรได้ชี้ให้เห็นถึงวิธีการเขียนข่าวที่ต้องทำให้เกิดความสนใจ ต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายยึดหลัก 5W1H หัวข่าวต้องน่าสนใจ (ฟู) และ เนื้อหาต้องกระชับ (ฟิต) การเขียนข่าวต้องไม่จำเจซ้ำซาก (cliche) น่าเบื่อเนื้อหาต้องทันสมัย ทันเวลา ทันเหตุการณ์ ไม่เยิ่นเย้อ ใช้ภาษาได้ถูกต้อง มีความใหม่ฉีกแนว ไม่ธรรมดาทำให้ผู้อ่านสนใจและอยากอ่าน
ทั้งนี้ได้มีการให้ผู้เข้าอบรมฝึกปฏิบัติการเขียนข่าวที่ได้ให้เตรียมมา และทดลองส่งเข้าระบบรับข่าวของฐานข้อมูลเว็บไซต์ คคส (www.thaihealthconsumer.org)
โดยเนื้อข่าวที่ส่งมา สามารถเลือกประเภท ได้แก่ ข่าวแจ้งเตือนภัย ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวกิจกรรม และสาระน่ารู้ รวมทั้งการใส่รูปภาพประกอบการเขียนข่าว การเขียนข่าวแต่ละย่อหน้าไม่ควรเกินห้าบรรทัด
ในการอบรมครั้งนี้ผู้เข้ารับการอบรมได้รับความรู้ ทักษะการปฏิบัติ และเห็นความสำคัญที่จะนำเหตุการณ์หรือกรณีที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่มาเป็นเนื้อหาในการเขียนข่าวสื่อสาร
สำหรับข่าวที่ผู้เข้ารับการอบรมได้เขียนขึ้น ได้ส่งให้วิทยากรได้ทบทวนตรวจทานให้เหมาะสมถูกต้อง ก่อนที่จะพิจารณานำลงในเว็บไซต์ คคส ต่อไป
ไฟล์การนำเสนอ Download

วันที่ ๑ มิถุนายนนี้ ที่โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ท กรมอนามัย ร่วมกับ ศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ และศูนย์นมแม่ฯจัดประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และวางแผนพัฒนาระบบเฝ้าระวัง และควบคุมการตลาดนมผงสำหรับทารกและเด็กเล็ก

การประชุมฯ กล่าวเปิดโดย นพ ธงชัย เลิศรัตนพงษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย
ดังนี้ “การประชุมครั้งนี้ เป็นการเตรียมการตามเนื้อหาสาระ ร่าง พระราชบัญญัติการตลาดอาหารทารกและเด็กเล็ก พศ ๒๕๖๐ โดย ผู้เข้าประชุม ประกอบด้วย สสจ ทั้งฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและกลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค และ
โรงพยาบาลศูนย์และทั่วไปโดย ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพ รวม ๒๕๐ คนวัตถุประสงค์ เป็นการออกแบบระบบและการเฝ้าระวัง เพื่อทำให้กฎหมายที่ประเทศไทยพยายามจนเกิดผลบรรลุผล ทั้งนี้ เป้าหมายสูงสุด คือ เพิ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเด็ก

นพ ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล
อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ได้บรรยาย เรื่อง ความคาดหวัง โดยกล่าวว่า มีสี่ปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
(๑) นโยบายของรัฐ ที่ครอบคลุมการลาคลอด สวัสดิการ และ กฎหมายนมแม่
(๒) ระบบสุขภาพและบุคลากร
หมอเด็ก หมอสูติ พยาบาลที่ดูแลการคลอดการส่งเสริม
(๓) การสื่อสาร
มีความสำคัญมาก รวมถึงภาคประชาสังคมและประชาชนที่สนับสนุน
(๔) องค์การระหว่างประเทศ
มีการอ้างเรื่องการกีดกันการค้า
อุตสาหกรรมนมผง





อุตสาหกรรมนมผงขยายตัวพัฒนามาเกือบร้อยปี การขยายตัวของอุตสาหกรรมทำให้การขายนมผงเฟื่องฟู มีการศึกษาพบว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมผงนมขวดมีอัตราตายสูงกว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ถึงหกเท่า
มีการขายนมจากแม่กัมพูชาไปอเมริกา เพื่อให้เด็กอเมริกากิน
มีการใส่สาร เช่น MFGM ที่บอกว่าให้ผลดีต่อเด็ก
ครอบครัวฐานะปานกลาง มีค่าใช้จ่ายในการให้นมผงสูงกว่านมแม่ 15 เท่า
ตลาดนมแม่เกิดจากการสร้างขึ้นโดยภาคธุรกิจ ทำการตลาดขึ้นมาให้ขายของได้ มีการทำสูตรนมผงว่าเป็นอาหารดีของทารก
องค์การอนามัยโลกสนับสนุนการเกิดกฎหมายควบคุมการตลาดนมผง ทั้งนี้ อเมริกาใต้ อินเดีย อาฟริกา ตื่นตัวมาก่อน ในเอเชีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ดำเนินการก่อนไทย ไทยมีอัตราเลี้งลูกด้วยนมแม่ต่ำสุดในอาเซียน. การมีเพียงโคดนมแม่ไม่เกิดผล จึงต้องมีกฎหมายนี้ ในประเทศไทย มีการละเมิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆมาก การมีกฎหมายจึงมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพสังคมไทย
นอกจากนี้ได้มีการอภิปรายแนวทางการดำเนินการตามกฎหมาย และ
หาแนวทางร่วมกันในการพัฒนาระบบเฝ้าระวังและกำกับดูแลการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กต่อไป
รายงานโดย
รายงานโดย ศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย