
แผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการใช้ระบบประเมินองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค เวอร์ชั่น 2017 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2560 ณ ศูนย์คอมพิวเตอร์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อแนะนำระบบประเมินองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคออนไลน์ ซึ่ง คคส.ได้ปรับปรุงระบบ ให้กับองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคที่สนใจพัฒนาสู่การเป็นองค์กรคุณภาพ ซึ่งผู้ร่วมอบรมประกอบด้วยผู้แทนองค์กรผู้บริโภคเข้าจำนวน 19 คน จาก 19 องค์กร
ทั้งนี้ รศ.ดร.วิทยา กุลสมบูรณ์ ชี้แจงวัตถุประสงค์การอบรม จากนั้นเป็นการแนะนำระบบประเมินองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค เวอร์ชั่น 2017 สำหรับองค์กรผู้บริโภค (User) และทดลองใช้ระบบ และให้ผู้เข้าอบรมแลกเปลี่ยนและให้ข้อเสนอแนะในการพัฒนาระบบ ต่อไป ซึ่งผู้เข้าอบรมและ คคส.ร่วมกำหนดการทำงานโดยให้เริ่มดำเนินการเข้าใช้ระบบ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 เป็นต้นไป
อบรมระบบองค์กรคุณภาพ
อบรมระบบองค์กรคุณภาพแผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) ร่วมกับกลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำพูน จัดทำโครงการรณรงค์แก้ไขปัญหาการใช้วัสดุที่ปนเปื้อนแร่ใยหินจังหวัดลำพูน “หละปูนฮ่วมใจ๋ ไร้แร่ใยหิน” ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว คคส.จึงลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมชมและถอดบทเรียนความสำเร็จตามโครงการฯดังกล่าว เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นต้นแบบในการส่งเสริมและสนับสนุนการคุ้มครองผู้บริโภคในท้องถิ่นของตนและเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สามารถขยายผลไปยัง อปท.ในพื้นที่อื่นๆได้ โดยเลือก อปท.ที่จะถอดบทเรียน 6 แห่ง ได้แก่


-วันที่ 20 มิ.ย.60 (1) เทศบาลเมืองลำพูน มีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 8 คน (2) เทศบาลตำบลริมปิงมีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 8 คน


-วันที่ 21 มิ.ย.60 (3) เทศบาลตำบลบ้านกลาง มีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 6 คน (4) เทศบาลตำบลเหมืองง่า มีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 8 คน

-วันที่ 22 มิ.ย. 60 (5) เทศบาลตำบลป่าสัก มีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 8 คน และ(6) เทศบาลตำบลอุโมงค์ มีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 8 คน
รายงานโดยศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพคณะเภสัชศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อย.จับมือ กสทช. สมาคมผู้บริโภคจังหวัดร้อยเอ็ด สมาคมผู้บริโภคจังหวัดขอนแก่น และสมาคมสื่อมวลชน ประกาศนโยบายการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฏหมาย หลอกลวงผู้บริโภคเชิงรุก ในปี 2560 ณ โรงแรมกรีน จ.ขอนแก่น ในวันที่ 1 มิถุนายน 2560 โดยสร้างความร่วมมือในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการเผยแพร่ข้อความผิดกฏหมาย โอ้อวดเกินจริงทางสื่อวิทยุกระจายเสียง และนำไปปฏิบัติพร้อมกันทั้งเขต
เครือข่ายร้อยแก่นสารสินธุ์ต้านภัยโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฏหมาย
ภก. วิรัตน์ ศรีชาติ นักวิชาการอาหารและยาชำนาญการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ประธานเครือข่ายร้อยแก่นสารสินธุ์ต้านภัยโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฏหมาย
สมาคมผู้บริโภคจังหวัดร้อยเอ็ด

ภก. วิรัตน์ ศรีชาติ นักวิชาการอาหารและยาชำนาญการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมทั้ง นายประเวศ จันทร์ฉาย รักษาการผู้บริการกสทช. เขต 6 (ขก) ประธานการสัมมนาเครือข่ายเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายเขตสุขภาพที่ 7 ร้อยแก่นสารสินธุ์ปี 2560 กล่าวว่า “หน่วยงานภาครัฐในแต่ละจังหวัดได้ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาโฆษณาที่ผิดกฎหมายมาอย่างต่อเนื่องทั้งการจัดอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจ ขอความร่วมมือจนถึงการดำเนินคดีกับสื่อวิทยุแต่ปัญหาการโฆษณาที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย” แต่ทว่าปัญหายังไม่หมดไป
ดังนั้นในปี 2560 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาโฆษณาที่ไม่ถูก ต้องตามกฎหมาย สสจ.ในเขตสุขภาพที่ 7 ร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กสทช.ภาค 2 ขอนแก่น, เครือข่ายเภสัชกรโรงพยาบาล, สมาคมผู้บริโภคและแกนนำอาสาสมัครสาธารณสุขคุ้มครองผู้บริโภคทั้ง 4 จังหวัดจึงได้จัดทำโครงการพัฒนาระบบแก้ไขปัญหาโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายเขตสุขภาพที่ 7 ร้อยแก่นสารสินธุ์ขึ้น
โคงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความร่วมมือ ในการจัดการแก้ไขปัญหาโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายในเขตสุขภาพที่ 7 ที่เป็นรูปธรรมและมีความต่อเนื่อง รวมถึงเพื่อให้เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินการแก้ไขปัญหาโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายร่วมกันในภาพเขตกิจกรรม
ทั้งนี้ เครือข่ายเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาโฆษณาที่ผิดกฎหมายทั้งภาครัฐและเอกชนได้มาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานหาแนวทางการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาโฆษณาในแต่ละพื้นที่ร่วมกันและเกิดเป็นแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหา โฆษณาที่เป็นในทิศทางเดียวกันทั้ง เขต 7
ท้ายสุด ภก. วิรัตน์ ศรีชาติ ฝากไว้ว่า ” ทุกภาคส่วนต้องหาวิธีการให้ผู้บริโภคเปลี่ยนความคิดตั้งรับอย่างเดียวไม่ได้ โดยในปี 2560 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะนำ รูปแบบการดำเนินงานของเครือข่ายต้านภัยโฆษณาผิดกฏหมายร้อยแก่นสารสินธุ์ เผยแพร่ทุกจังหวัด ทั้ง 12 เขตจะได้ทำเหมือนกัน เพื่อพัฒนาและ ควบคุมผลิตภัณฑ์ต่างๆให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภคให้มากที่สุด ”
รายงานโดย
ภญ.ชัญญรัชต์ นกศักดา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น
นางอาภรณ์ อะทาโส สมาคมผู้บริโภคจังหวัดร้อยเอ็ด

เภสัชกรเด่นชัย ดอกพอง กลุ่มงานเภสัชกรรมชุมชน รพ ขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า วิธีการให้ อสม.ไปสอบถามการใช้ผลิตภัณฑ์ของประชาชนและนำผลิตภัณฑ์ตรวจสอบกับระบบ หน้าต่างเตือนภัย ( Single window ) เป็นวิธีให้ความรู้แก่ประชาชนที่ใช้ทราบว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่นั้นไม่ปลอดภัย จากการตรวจสอบจากระบบ Single window ทำให้ประชาชนปลอดภัยจากการเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ ถึง ร้อยละ 70.73 ( 29 จาก 41คน) เป็นวิธีการที่คุ้มค่า ค่าใช้จ่ายต่ำ ได้ผลลัพธ์ที่ดี ใช้เครื่องมือง่ายๆ และอยู่ในวิถีชีวิตประจำวัน สำหรับประชาชน ร้อยละ 29.27 ยังเลิกไม่ได้เนื่องจากติดยา ทนอาการปวดไม่ได้ ต้องหาสาเหตุเชิงลึกเพื่อช่วยหาวิธีการอื่นๆเพิ่มเติม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาควรทำให้ระบบแจ้งเตือนภัยเป็นระบบเดียวเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ปัจจุบันประชาชนมีเครื่องมือเข้าถึงอินเตอร์เนตมากขึ้น ภาครัฐควรสื่อสารให้ประชาชนรับรู้ และเข้าถึงเวบไซต์ www.tumdee.org/alert เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ข้อมูลมาดูแลตนเองและชุมชน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการพึ่งตนเอง และประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ในสังคมไทย

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้ ได้แก่ ยากษัยเส้นตราหมอโอภาส (มีไพรอกซิแคม) รองลงมา คือ ยากษัย ตราเทพธิดา (มีเดกซ่าเมทาโซน) ส่วนปัจจัยตัดสินใจเลิกใช้ยาน้ำแผนโบราณไม่ปลอดภัย ได้แก่ การได้รับความรู้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นไม่ปลอดภัย และไม่ติดยา
ทั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์อุบลราชธานี ได้มาอบรม อสม.นักวิทย์ชุมชน ที่ อำเภอขุขันธ์ หลังจากนั้น เภสัชกรโรงพยาบาลขุขันธ์ ได้ขยายผลโดยลงพื้นที่จัดอบรมในระดับตำบล ให้ อสม.ตำบลโคกเพชร ครับ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 เวลา 09.00 – 12.00 น. ณ ห้องประชุม รพ.สต.โคกเพชร
รายละเอียดและผลการวิจัย ติดต่อได้ที่ เภสัชกรเด่นชัย ดอกพอง กลุ่มงานเภสัชกรรมชุมชน รพ ขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เบอร์โทรศัพท์ ๐๒ ๒๑๘๘๔๔๕, ๐๘๙ ๔๒๗๑๗๕๓ E-mail: ddenchai@gmail.com
การวิจัยชิ้นนี้สนับสนุนโดย แผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้แก่นักศึกษาวิทยาลัยการคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและสุขภาพแห่งประเทศไทย (วคบท)

จากข่าวน้ำผึ้งปลอมในหน้า นสพ ภก.วีระรัตน์ อภิรัตนเสวี รพ.สันทราย
อ สันทราย จังหวัดเชียงใหม่ และ
ภก. พิสนฑ์ ศรีบัณฑิต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันเล่าเรื่อง น้ำผึ้งปลอม ที่ อ. สันทราย
ตามลำดับขั้นตอนดังนี้

1) รับแจ้งเตือนภัย
วันจันทร์ที่ 22 พค. 60 เภสัชกร รพ สันทราย ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ สสอ.สันทราย ให้เข้าร่วมตรวจสอบโรงงานน้ำผึ้งปลอมตั้งอยู่เลขที่ 119 หมู่ที่ 8 ตำบลหนองแหย่งอำเภอสันทรายร่วมกับจนท.ตำรวจจาก สภ.สันทราย โดยประชาชนในพื้นที่แจ้งเบาะแสให้ตำรวจว่ามีการลักลอบผลิตน้ำผึ้งในชุมชน
2) ตรวจสถานทึ่หาข้อเท็จจริง
ต่อมาวันที่ 23 พฤษภาคม 60 ได้เข้าตรวจสถานที่ดังกล่าว ร่วมกับตำรวจ ทหาร ผลการตรวจสอบเป็นดังนี้
1. ลักษณะสถานที่ผลิตเป็นห้องแถวให้เช่า 2 คูหาขนาดประมาณ 4 * 10 เมตรจำนวน 2 คูหาซึ่งใช้เป็นที่พักอาศัย แบบกึ่งชั่วคราว มีอุปกรณ์การผลิต และเต็นท์พักอาศัย อยู่ในห้องเช่า 4 หลัง เครื่อง ของใช้มีไม่มากพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายได้ทันที
2. มีการผลิตน้ำผึ้งปลอมโดยมีคนงานผู้ผลิต 7 คน ทั้งหมดเป็นคนมาจากภาคอีสาน (จังหวัดอุดรธานี)
3. สภาพโรงงานไม่ถูกสุขลักษณะ ไม่สะอาด (ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามเกณฑ์ GMP ในทุกทุกหมวด)
4. พบวัตถุดิบที่บ่งชี้ว่า มีเจตนาผลิตน้ำผึ้งปลอม โดยทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นน้ำผึ้งแท้ อาทิเช่นพบน้ำตาลทรายเป็นกระสอบ พบแบะแซเป็นถัง พบรังผึ้งแห้งเพื่อลวงให้เข้าใจว่ามาจากรวงผึ้ง และ พบตัวผึ้งที่ผ่านการนึ่งให้สุก เพื่อเอาไว้ใส่ในขวดน้ำผึ้งปลอม พบขวดวัตถุแต่งกลิ่นน้ำผึ้งสังเคราะห์ เตาอั้งโล่ ปี๊ป ที่ใช้ต้มเคี่ยว ไม้พายที่ทำจาก ลำไม้ไผ่เป็นต้น
โดยเมื่อ ผลิตเป็นน้ำผึ้งเสร็จแล้ว จะบรรจุในขวดสุราที่นำมากลับมาใช้ใหม่ขนาด 750 cc และไม่มีฉลากของผลิตภัณฑ์น้ำผึ้ง ทำแพคเกจดูเหมือนกับเป็นน้ำผึ้งป่าที่ชาวบ้านไปตีผึ้งเอง

3) ดำเนินการจับกุม
เวลา 09.00น วันที่ 24 พ.ค.60
ชป.รส.พัน.พัฒนา 3 อ.สันทราย ร่วมกับ สภ.สันทราย ฝ่ายปกครอง สาธารณสุขจังหวัด ตรวจค้นแหล่งผลิตน้ำผึงปลอม ม.8 ต.หนองแหย่ง อ.สันทราย เชียงใหม่. ได้ตรวจยึดเพื่อตรวจสอบต่อไป
โดย พนักงานสอบสวนสภ. สันทรายแจ้งข้อหา กระทำผิดมาตรา 6 ( 10 ) ตาม พรบ.อาหาร ไม่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเรื่อง อาหารไม่แสดงฉลาก โทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และตำรวจกำลังอยู่ระหว่างแจ้งข้อหาเพิ่มเรื่องสินค้าปลอม
4) แจ้งเตือนภัย
จึงขอแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ทุกท่านเฝ้าระวังการทำน้ำผึ้งปลอมลักษณะนี้ ในเขตพื้นที่ของท่าน เพราะดูแล้วมีความชำนาญในการปลอม และสามารถการโยกย้ายถิ่นฐานหรือแหล่งผลิตได้อย่างรวดเร็ว
5) ให้ข้อแนะนำ
ฝากช่วยแนะนำชาวบ้านในการเลือกซื้อน้ำผึ้งที่เร่ขาย ที่อ้างว่าเป็นน้ำผึ้งป่าแท้ อาจเป็นน้ำผึ้งปลอมได้ หากสงสัยหรือไม่มั่นใจในแหล่งผลิตหรือผู้ขาย ไม่ควรซื้อมารับประทาน และมีเบาะแสในพื้นที่ว่ามีการเช่าบ้าน แล้วเร่ขายน้ำผึ้งป่าลักษณะนี้ ขอให้แจ้งหน่วยงานสาธารณสุขให้ตรวจสอบต่อไป